รวม 101+ ศัพท์ SEO ที่นักธุรกิจและมือใหม่ควรรู้ อ่านจบคุยกับทีม SEO รู้เรื่อง

การก้าวเข้าสู่โลกของการทำเว็บไซต์หรือการตลาดออนไลน์ บางครั้งก็ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเรียนภาษาต่างประเทศใช่ไหมครับ เวลาประชุมกับทีมการตลาดหรือเอเจนซี่มักจะมีคำศัพท์เทคนิคแปลกหูอย่าง Canonical, Robots.txt หรือ Core Web Vitals ลอยผ่านไปมา ทำให้เจ้าของธุรกิจหลายท่านเกิดความสับสนและไม่แน่ใจว่ากำลังฟังเรื่องอะไรอยู่

ความเข้าใจในคำศัพท์เหล่านี้ไม่ใช่เรื่องของการสอบวัดระดับความรู้ แต่เป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้คุณ “ตัดสินใจ” ทางธุรกิจได้อย่างถูกต้อง รู้ว่าทีมงานกำลังทำอะไร และเงินที่จ่ายไปนั้นคุ้มค่าหรือไม่ วันนี้ พี่แว่น ได้รวบรวมคัมภีร์คำศัพท์ SEO กว่า 100 คำ แบ่งเป็นหมวดหมู่ให้อ่านง่าย เพื่อให้คุณใช้เป็นคู่มืออ้างอิงและสนทนากับนักการตลาดได้อย่างมืออาชีพครับ

พื้นฐาน SEO และระบบการทำงานของ Google

ก่อนจะไปลงลึกเทคนิค เรามาปูพื้นฐานคำศัพท์ที่ต้องเจอทุกวันกันก่อนครับ

  • SEO (Search Engine Optimization) การปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับการค้นหาตามธรรมชาติ เพื่อเพิ่มคนเข้าเว็บโดยไม่ต้องซื้อโฆษณา
  • Search Engine เครื่องมือค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต เช่น Google, Bing, Yahoo
  • Google Rankingsอันดับของเว็บไซต์ที่ปรากฏขึ้นมาในผลการค้นหาของ Google
  • SERP (Search Engine Results Page) หน้าแสดงผลลัพธ์การค้นหาเมื่อเราพิมพ์คีย์เวิร์ดลงไป
  • Organic Search ผลการค้นหาที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ไม่ใช่โฆษณา (Ads)
  • Organic Traffic คนที่คลิกเข้ามาที่เว็บไซต์จากการค้นหาเอง ฟรี ไม่เสียเงิน
  • Ranking อันดับของเว็บไซต์ที่ปรากฏบนหน้า Google
  • Bot / Spider / Crawler โปรแกรมอัตโนมัติของ Search Engine ที่ทำหน้าที่ไต่ไปตามเว็บต่างๆ เพื่อเก็บข้อมูล
  • Crawl กระบวนการที่ Bot วิ่งเข้ามาเก็บข้อมูลในหน้าเว็บไซต์
  • Index การนำข้อมูลที่ Bot เก็บได้ไปบันทึกในฐานข้อมูลของ Google เพื่อเตรียมนำมาจัดอันดับ (ถ้าไม่ Index ก็ไม่มีวันติดอันดับ)

โครงสร้างเว็บไซต์และ Technical SEO

เปรียบเสมือนโครงสร้างบ้าน ถ้าวางระบบไม่ดี ต่อให้ตกแต่งสวยก็พังได้ง่ายๆ ครับ

  • URL ที่อยู่ของเว็บไซต์ เช่น www.example.com
  • Slug ส่วนต่อท้ายของ URL ที่ระบุหน้าเฉพาะเจาะจง เช่น /blog/seo-terms
  • Sitemap (XML Sitemap) – แผนผังเว็บไซต์ฉบับย่อที่สร้างไว้ให้ Bot อ่าน เพื่อให้รู้ว่าเว็บมีหน้าไหนบ้าง
  • HTML Sitemap แผนผังเว็บไซต์สำหรับให้ “มนุษย์” คลิกดูเพื่อหาหน้าต่างๆ
  • Robots.txt ไฟล์ข้อความที่ใช้บอก Bot ว่าหน้าไหน “ห้ามเข้า” หรือหน้าไหน “เข้าได้”
  • Canonical URL โค้ดที่บอก Google ว่าหน้าไหนคือ “หน้าต้นฉบับ” (Master Copy) เพื่อแก้ปัญหาเนื้อหาซ้ำกัน
  • Redirect 301 การเปลี่ยนเส้นทางถาวร (ย้ายบ้านถาวร) ส่งคะแนน SEO ไปยังหน้าใหม่
  • Redirect 302 การเปลี่ยนเส้นทางชั่วคราว (ไปเที่ยวเดี๋ยวกลับมา) ไม่ส่งคะแนน SEO
  • HTTPS / SSL ระบบความปลอดภัยของเว็บไซต์ (รูปกุญแจเขียว) ข้อมูลมีการเข้ารหัส Google ให้ความสำคัญมาก
  • Page Speed ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บไซต์
  • Core Web Vitals เกณฑ์วัดประสบการณ์ผู้ใช้งานของ Google เน้นความเร็ว ความนิ่ง และการตอบสนอง
    • LCP ความเร็วในการโหลดเนื้อหาหลัก
    • CLS ความนิ่งของหน้าเว็บ (ไม่กระตุก)
    • INP ความเร็วในการตอบสนองเมื่อคลิก
  • Mobile Friendly เว็บไซต์ที่แสดงผลและใช้งานได้ดีบนมือถือ
  • Responsive Design การออกแบบเว็บให้ปรับขนาดอัตโนมัติตามหน้าจออุปกรณ์
  • Indexing Issue ปัญหาที่ Google ไม่ยอมบันทึกหน้าเว็บลงในฐานข้อมูล
  • Crawl Budget โควตาที่ Bot จะเข้ามาเก็บข้อมูลในเว็บเรา (เว็บใหญ่ต้องบริหารให้ดี)

เจาะลึกเรื่อง Keyword และ Content

หัวใจสำคัญของการสื่อสารกับลูกค้า ถ้าเลือกคำผิด ชีวิตเปลี่ยนครับ

  • Keyword คำหรือวลีที่คนใช้ค้นหาใน Google
  • Keyword Research กระบวนการค้นหา และวิเคราะห์ คำหรือวลีที่ผู้คนนิยมใช้ค้นหาข้อมูล สินค้า บริการ หรือความรู้บนเครื่องมือค้นหา
  • Short tail Keyword คำค้นหาสั้นๆ ความหมายกว้าง เช่น “รองเท้า”
  • Long tail Keyword คำค้นหายาวๆ เจาะจง เช่น “รองเท้าวิ่งมาราธอน สีแดง ราคาถูก”
  • Search Intent เจตนาของผู้ค้นหา แบ่งเป็น –
    • Informational Intent หาความรู้ (เช่น “วิธีผูกเชือกรองเท้า”)
    • Commercial Intent เปรียบเทียบก่อนซื้อ (เช่น “รีวิวรองเท้าวิ่งรุ่นไหนดี”)
    • Transactional Intent พร้อมซื้อ (เช่น “ซื้อรองเท้า Nike ลดราคา”)
    • Navigational Intent ต้องการไปเว็บเฉพาะ (เช่น “เข้าสู่ระบบ Facebook”)
  • SEO Content บทความที่เขียนมาเพื่อตอบโจทย์ทั้งคนอ่านและ Google
  • Content Quality คุณภาพของเนื้อหา (ลึกรู้จริง มีประโยชน์)
  • Duplicate Content เนื้อหาที่ซ้ำกับเว็บอื่น หรือซ้ำกันเองในเว็บ (Google ไม่ชอบ)
  • Thin Content เนื้อหาที่น้อยเกินไป ไม่มีสาระสำคัญ
  • Evergreen Content เนื้อหาที่ไม่มีวันหมดอายุ อ่านเมื่อไหร่ก็ยังใช้ได้
  • Fresh Content เนื้อหาที่สดใหม่ ทันเหตุการณ์
  • Keyword Density ความหนาแน่นของคีย์เวิร์ดในบทความ (ไม่ควรเยอะเกินไป)
  • Keyword Placement การวางคำค้นหาหลักในหน้าเว็บให้ Bot เข้าใจได้ทันทีและดูเป็นธรรมชาติ
  • Semantic Keyword คำที่มีความหมายเกี่ยวข้องหรือบริบทเดียวกันกับคีย์เวิร์ดหลัก

การปรับแต่งหน้าเว็บ On Page SEO

สิ่งที่อยู่บนหน้าเว็บไซต์ที่เราควบคุมและแก้ไขได้เองทั้งหมด

  • Title Tag ชื่อเรื่องที่โชว์บน Tab Browser และหน้า Google (สำคัญที่สุด)
  • Meta Description คำบรรยายสั้นๆ ใต้ชื่อเรื่องในหน้า Google ช่วยดึงดูดการคลิก
  • Header Tag (H1, H2, H3) – หัวข้อลำดับความสำคัญในบทความ (H1 คือชื่อเรื่องหลัก)
  • Alt Text คำอธิบายรูปภาพสำหรับ Bot และผู้พิการทางสายตา
  • Internal Link ลิงก์ที่เชื่อมโยงไปยังหน้าอื่นๆ ภายในเว็บเดียวกัน
  • Anchor Text ข้อความที่เป็นตัวลิงก์ (เช่นคำว่า “คลิกที่นี่” หรือ “อ่านต่อ”)
  • Image Optimization การปรับขนาดและบีบอัดรูปภาพให้โหลดเร็ว

ปัจจัยภายนอกและ Off Page SEO

เรื่องของชื่อเสียงและการอ้างอิงจากภายนอก เป็นสิ่งที่ควบคุมได้ยากกว่า

  • Backlink ลิงก์จากเว็บไซต์อื่นที่ส่งกลับมาหาเรา (เปรียบเหมือนคะแนนโหวต)
  • Referring Domain จำนวนโดเมนต้นทางที่ส่งลิงก์มา (นับเป็นเว็บ ไม่นับจำนวนลิงก์)
  • Domain Authority (DA) / DR คะแนนความน่าเชื่อถือของโดเมน (เป็นค่าสมมติจากเครื่องมือ Third Party)
  • Page Authority (PA) / UR คะแนนความน่าเชื่อถือเฉพาะหน้านั้นๆ
  • Link Juice พลัง SEO ที่ส่งผ่านลิงก์จากหน้าหนึ่งไปสู่อีกหน้าหนึ่ง
  • Dofollow ลิงก์ที่บอก Bot ให้ตามไปและส่งคะแนน SEO ให้
  • Nofollow ลิงก์ที่บอก Bot ว่าไม่ต้องส่งคะแนน (เช่น ลิงก์จากคอมเมนต์)
  • Spam Link / Toxic Link ลิงก์ขยะจากเว็บคุณภาพต่ำที่อาจทำร้ายเว็บเรา
  • Disavow Linkการป้องกันเว็บเราจาก ลิงก์ที่ไม่มีคุณภาพหรือเป็นสแปม ไม่ให้ Google นำมาใช้ประกอบการจัดอันดับ
  • 404 Page Not Found เซิร์ฟเวอร์ไม่สามารถหาไฟล์หรือหน้าเว็บที่เจอ

Local SEO และการวัดผลธุรกิจ

สำหรับธุรกิจที่มีหน้าร้าน และการดูตัวเลขเพื่อวัดความคุ้มค่า

  • Google Business Profile (GBP) หมุดปักธุรกิจบน Google Maps (เดิมชื่อ Google My Business)
  • Google Maps บริการแผนที่และระบบนำทางของ Google ที่ให้ข้อมูลตำแหน่ง, ค้นหาสถานที่, แสดงภาพดาวเทียม, ภาพถ่ายถนน(Street View) และช่วยวางแผนเส้นทางแบบเรียลไทม์
  • Local Pack ผลการค้นหา 3 อันดับแรกที่เป็นแผนที่
  • Local Rankings อันดับการแสดงผลของธุรกิจคุณ เมื่อมีผู้ใช้งานค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ สถานที่ หรือ พื้นที่ท้องถิ่น บน Search Engine (Google)
  • Rating ตัวเลขคะแนนเฉลี่ยดึงดูดสายตา (ทำให้คนอยากคลิก)
  • Reviewเนื้อหาข้อความที่ลูกค้าเขียนบรรยายประสบการณ์ ช่วยยืนยันคุณภาพของร้าน
  • NAP (Name, Address, Phone) ข้อมูลชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทร ต้องตรงกันทุกที่
  • Citation การอ้างถึงชื่อธุรกิจ ที่อยู่ เบอร์โทร บนเว็บอื่นๆ (แม้ไม่มีลิงก์)
  • Google Search Console (GSC) เครื่องมือฟรีของ Google ไว้ดูสุขภาพเว็บ อันดับ และยอดคลิก
  • Google Analytics (GA4) เครื่องมือวัดพฤติกรรมคนเข้าเว็บ (มาจากไหน ทำอะไรบ้าง)
  • CTR (Click Through Rate) อัตราการคลิกต่อการมองเห็น
  • Bounce Rate อัตราคนที่เข้าเว็บหน้าเดียวแล้วกดออกทันที
  • Dwell Time ระยะเวลาที่คนอยู่ในหน้าเว็บ
  • Impression จำนวนครั้งที่เว็บเราแสดงผลให้คนเห็น
  • Conversion การกระทำที่เราต้องการ (เช่น ซื้อของ, กรอกฟอร์ม, โทร)
  • Cost per Lead ต้นทุนต่อรายชื่อลูกค้า
  • ROI (Return on Investment) ผลตอบแทนจากการลงทุน
  • ROAS ผลตอบแทนจากค่าโฆษณา (ใช้เทียบกับ SEO ได้)
  • Attribution Model การให้เครดิตว่าช่องทางไหนทำให้เกิดการขาย (เช่น ลูกค้าเห็นจาก SEO แต่ซื้อผ่าน Facebook)

อัลกอริทึมและกลยุทธ์ขั้นสูง

คำศัพท์สำหรับนักการตลาดที่ต้องการวางแผนเชิงลึก

  • SEO Audit การตรวจสอบสุขภาพของเนื้อหา และปัจจัยอื่นๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อการจัดอันดับของเว็บไซต์
  • Google Algorithm ระบบคำนวณเพื่อจัดอันดับเว็บไซต์
  • Core Web Vitals ตัวชี้วัดที่ Google สร้างขึ้นเพื่อตรวจวัด ประสบการณ์ของผู้ใช้งานจริง (ความเร็ว , การตอบสนอง, และ ความนิ่งของหน้าจอ)
  • Core Update การปรับปรุงระบบครั้งใหญ่ของ Google (มักทำให้อันดับผันผวน)
  • Helpful Content Update การปรับเกณฑ์ให้เน้นเนื้อหาที่มีประโยชน์ต่อคนอ่านจริง
  • E-E-A-T เกณฑ์คุณภาพเนื้อหา (Experience, Expertise, Authoritativeness, Trustworthiness)
  • YMYL (Your Money Your Life) เว็บที่เกี่ยวกับเงินและสุขภาพ Google ตรวจเข้มเป็นพิเศษ
  • Trust Signal สัญญาณความน่าเชื่อถือ (เช่น มีหน้า About Us, มีเบอร์โทรจริง)
  • Entity สิ่งที่ Google รู้จักในฐานะ “สิ่งของ/บุคคล” ไม่ใช่แค่ตัวอักษร
  • Brand Authority ความน่าเชื่อถือของแบรนด์ในสายตา Google
  • Topical Authority ความเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในหัวข้อนั้นๆ ทั้งเว็บไซต์
  • Content Cluster การทำกลุ่มเนื้อหาที่เชื่อมโยงกัน (บทความหลัก + บทความย่อย)
  • Pillar Page หน้าบทความหลักที่ครอบคลุมเนื้อหาทั้งหมดในหัวข้อนั้น
  • Schema Markup / Structured Data โค้ดภาษาที่ช่วยให้ Bot เข้าใจข้อมูลได้ลึกซึ้งขึ้น
  • Rich Snippet ผลการค้นหาพิเศษที่แสดงข้อมูลเพิ่ม (เช่น ดาวรีวิว, ราคา, รูปภาพ)
  • Funnel SEO – การวางแผนคีย์เวิร์ดและคอนเทนต์ให้ตรงกับ “ช่วงการตัดสินใจ” ของลูกค้า
  • SEO Thinking – กระบวนการคิดเชิงกลยุทธ์ที่มองภาพรวมธุรกิจคู่กับอัลกอริทึม

การรู้คำศัพท์ SEO เหล่านี้ไม่ได้มีไว้เพื่อท่องจำครับ แต่มีไว้เพื่อ “ความเข้าใจ” เมื่อคุณเข้าใจความหมายของแต่ละคำ คุณจะมองเห็นภาพรวมของการทำ SEO ว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องทางเทคนิค แต่เป็นเรื่องของการสร้างโครงสร้างบ้านที่แข็งแรง การเขียนเนื้อหาที่ตอบโจทย์ลูกค้า และการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ

ครั้งต่อไปเมื่อต้องประชุมแผนการตลาด หรืออ่านรายงานผลประจำเดือน พี่แว่นเชื่อว่าคุณจะสามารถวิเคราะห์ข้อมูลและตั้งคำถามกับทีมงานได้อย่างตรงจุด แต่หากคุณรู้สึกว่ารายละเอียดเหล่านี้ซับซ้อนเกินไป หรือไม่มีเวลามานั่งปรับแต่งเว็บไซต์ด้วยตัวเอง การเลือกใช้บริการจากผู้เชี่ยวชาญที่ รับทำ SEO ก็เป็นทางเลือกที่ช่วยประหยัดเวลาและลดความเสี่ยงได้มากครับ

เพราะเมื่อคุณมีความรู้พื้นฐานแน่นแล้ว ไม่ว่าคุณจะทำเองหรือจ้างคนอื่นทำ คุณก็จะสามารถตรวจสอบการทำงาน วัดผลความคุ้มค่า และพาธุรกิจของคุณเติบโตบนหน้าแรกของ Google ได้อย่างมั่นใจและยั่งยืนครับ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ SEO

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *


ติดต่อ "แว่นTalk"